วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พระคาถาบูชาพ่อแม่ ที่องค์สมเด็จโตทรงเทศน์แก่ ร.4 สวดแล้วมีแต่เจริญก้าวหน้า


“พระอรหันต์อยู่ในบ้าน” ที่สมเด็จโตเทศนาให้ ร.4 และข้าราชบริพารฟังจนถึงกับน้ำตาตกและอึ้ง

สมเด็จโตที่ได้เทศน์แก่ รัชกาลที่4 ที่เทศน์ไว้ว่า “พระอรหันต์ คือ พระผู้ประเสริฐ” คนเราทั้งหลายพยายามค้นหาพระผู้ประเสริฐ เพียงหวัง
ยึดท่าน เกาะผ้าเหลืองเกาะหลังท่าน เพื่อให้ท่านพาไปสู่ความสุข แม้ว่าท่านจะอยู่ไกลสุดขอบฟ้า คนเราก็ยังคงดั้นด้น ดิ้นรนไปหา เพื่อหวังเพื่อยึดเหนี่ยวบูชา แต่พระที่อยู่ภายในใกล้ตัวที่สุดกลับมองข้าม มองไม่เห็นเหมือนใกล้เกลือกินด่าง อีกน้ำใจของพ่อแม่ที่ให้ต่อลูก มีแต่ความบริสุทธิ์ ไม่คิดหวังสิ่งใดตอบแทน เช่นเดียวกับพระอรหันต์ที่ให้ต่อมนุษย์ ที่มีความบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน พ่อ แม่ จึงเปรียบเสมือนพระอรหันต์ของ ลูก”

มีคราวหนึ่งท่านได้รับนิมนต์ให้แสดงธรรม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมาท่ามกลางเหล่าขุนนาง ข้าราชการและข้าราชบริพาร ครั้นพอพบหน้าท่าน เจ้าผู้ครองแผ่นดินก็ทรงสัพยอกว่า..”ท่านเจ้าคุณเห็นเขาชมกันทั้งเมืองว่าท่านเทศน์ดีนัก นี่วันนี้ต้องขอพิสูจน์หน่อย”

สมเด็จโตทูลว่า “ผู้ที่ไม่เคยฟังในธรรม ครั้นเขาฟังธรรมและได้รู้เห็นในธรรมนี้แล้ว เขาก็ชมว่าดีขอถวายพระพรมหาบพิตร และในวันนี้อาตมาจะมาเทศนาเรื่องพระอรหันต์ในบ้าน”

ฝ่ายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเหล่าขุนนาง ข้าราชบริพารต่างก็มีความสงสัย เพราะเคยได้ยินแต่ว่าพระอรหันต์ท่านจะอยู่ในถ้ำ ในป่า ในเขา ท่านได้ขยายความต่อไปว่า จิตพระอรหันต์เป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านละจากความโลภ โกรธ หลง ไม่ยินดีและยินร้ายในเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยม หากใครได้ทำบุญกับพระอรหันต์แล้วไซร้ก็ถือได้ว่าเป็น “ลาภอันประเสริฐ” ที่สุด “บุญ” ที่ได้ทำกับท่านจะได้ผลในชาติปัจจุบันทันที ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า ทุกๆ คนจึงมุ่งเสาะแสวงหาแต่พระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน แต่ไม่เคยมองเห็นพระอรหันต์ที่อยู่ “ในบ้าน” เลย

ทุกๆ คนที่นั่งฟังเทศนาอยู่ในที่แห่งนั้นต่างทำสีหน้างุนงงไปตามกัน เพราะไม่เข้าใจความหมาย สมเด็จโตจึงเทศนาต่อไปว่า “พระอรหันต์ คือ พระผู้ประเสริฐ” คนเราทั้งหลายพยายามค้นหาพระผู้ประเสริฐ เพียงหวังยึดท่าน เกาะผ้าเหลืองเกาะหลังท่าน เพื่อให้ท่านพาไปสู่ความสุข แม้ว่าท่านจะอยู่ไกลสุดขอบฟ้า คนเราก็ยังคงดั้นด้น ดิ้นรนไปหา เพื่อหวังเพื่อยึดเหนี่ยวบูชา 

แต่พระที่อยู่ภายในใกล้ตัวที่สุดกลับมองข้าม มองไม่เห็นเหมือนใกล้เกลือกินด่าง อีกน้ำใจของพ่อแม่ที่ให้ต่อลูก มีแต่ความบริสุทธิ์ ไม่คิดหวังสิ่งใดตอบแทน เช่นเดียวกับพระอรหันต์ที่ให้ต่อมนุษย์ ที่มีความบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน พ่อ แม่ จึงเปรียบเสมือนพระอรหันต์ของ “ลูก” ท่านมีน้ำใจบริสุทธิ์ต่อลูกมากมายนัก ท่านเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่อยู่ในท้องของท่าน ทนทุกข์ทรมานร่วมเก้าเดือนบ้าง สิบเดือนบ้าง แต่ท่านไม่เคยปริปากบ่นสักนิด มีแต่ความสุขใจ แม้ลูกเกิดออกมาแล้วพิการ หูหนวกตาบอด ท่านก็ยังรักสงสาร เพราะท่านคิดเสมอว่านั่นคือ “สายเลือด” ถือว่าเป็น “ลูก” ไม่เคยคิดรังเกียจและทอดทิ้ง แต่ท่านจะเพิ่มความรัก ความสงสารมากยิ่งขึ้น

ครั้นตอนที่เราเป็นเด็กเล็กๆ ก็ซุกซนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เราเคยหยิก เคยข่วน ทุบตี เตะ ต่อย กัด หรือด่าทอพ่อแม่ต่างๆ นานา เพราะความไร้เดียงสา ท่านก็ไม่เคยโกรธ กลับยิ้มร่าชอบใจ เพิ่มความรักความเอ็นดูให้เสียอีก แม้เราจะเป็นผู้ใหญ่ รู้ผิดชอบชั่วดี แต่บางครั้งด้วยความโกรธ ความหลง เราก็ยังทุบตีและด่าทอท่านอยู่ แทนที่ท่านจะโกรธหรือโทษเอาผิดต่อเรา ท่านกลับยอมนิ่งเฉย รับทุกข์เพียงอย่างเดียว ยอมเสียน้ำตา ยอมเป็นเครื่องรองรับมือ เท้าและปากของเราผู้เป็น “ลูก” 

สำหรับลูกแล้ว ท่านเสียสละให้ทุกอย่าง ท่านให้ “อภัย” ในการกระทำของเรา เพียงเพราะท่านกลัวเราจะมีบาปกรรมติดตัว จึงยอมที่จะเจ็บยอมทุกข์เสียเอง ไม่มีใครในโลกนี้จะรักเราและหวังดีต่อเราอย่างจริงจังและจริงใจเหมือนพ่อแม่ ท่านเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เล็กจนเราเติบใหญ่ ทุ่มเทแรงกายแรงใจ และกำลังทรัพย์ให้แก่เราอย่างมากมาย จนไม่อาจจะประมาณค่าตัวเลขได้ และในบางครั้งลูกหลงผิดเป็น “คนชั่ว” ด้วยอารมณ์โทสะ เป็นคนเมาขาดสติ ก่อกรรมทำเข็ญเป็นที่เดือดร้อนแก่ชาวบ้าน ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของบ้านเมือง ในสายตาของท่านแล้ว

เมื่อมีภัยมาสู่ลูก “แม่” และ “พ่อ” ก็ยังปกป้องรักษาช่วยเหลือลูกอย่างเต็มกำลังและความสามารถ เสียทรัพย์สินเท่าใดก็ยอมให้ลูกพ้นผิด แม้ลูกถูกจองจำ พ่อแม่เท่านั้นที่คอยหมั่นดูแลไปเยี่ยม คอยส่งน้ำอาหาร คอยให้กำลังใจแก่ลูกให้ต่อสู้ความเจ็บป่วยและทุกข์ทรมานของจิตใจ และรอนับเวลาที่ลูกจะกลับมาสู่อ้อมอกอีกครั้งหนึ่ง

น้ำใจที่มีต่อลูกเช่นนี้เปรียบเท่า “พระอรหันต์” โดยแท้ พ่อแม่จึงเป็นพระอรหันต์ในบ้านของเราจริงๆ ทำไมพวกท่านจึงไม่คิดทำบุญกับพระอรหันต์ที่อยู่ในบ้านเล่า

“สำหรับลูก” แล้ว ถึงพ่อแม่จะเป็น “โจร” คนชั่วในสายตาของคนอื่น แต่สำหรับ “ลูก” ท่านเสียสละให้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง พ่อแม่มีลูกนับ 10 คน เลี้ยงดูเติบใหญ่ได้ และลูกทั้ง 10 คน กลับเลี้ยงดูพ่อแม่เพียง 2 คน ไม่ได้ ชอบเกี่ยงกันเพราะลูกเหล่านั้นกำลังลืมคำว่า “พระคุณของพ่อแม่”

ยามที่พ่อแม่ยัง “มีชีวิตอยู่” เราควรที่จะเลี้ยงดูพ่อแม่ โดยการมีอาหารให้ท่านกิน ซื้อเสื้อผ้าของใช้พาท่านไปทำบุญเข้าวัดเข้าวา อะไรก็ตามที่ทำให้ท่านมีความสุขก็ควรทำให้ท่าน ดูแลความทุกข์สุขและเลี้ยงดู “จิตใจ” ท่าน เชื่อฟัง “โอวาท” คำเตือนของท่าน คำพูดคำจาที่จะพูดกับท่านก็ต้องระมัดระวัง ถนอมน้ำใจท่านเพราะคนแก่นั้นใจน้อย ต้องรักษาน้ำใจท่าน อย่าทำให้ท่านต้องเสียใจ ด้วยคำพูดนิ่มหูฟังแล้วสบายใจ ไม่ปล่อยทิ้งท่านให้อยู่อย่าง “ว้าเหว่” คอยเอาใจใส่ปรนนิบัติ ดูแลท่านอย่างใกล้ชิด แต่คนส่วนมากมักจะทำบุญให้พ่อแม่เมื่อยามท่านตายจากเราไปแล้ว เพราะนั่นคือ “การพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ในชีวิตของลูก ที่จริงแล้วเราควรต้องทำบุญในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ย่อมได้ชื่อว่าเป็นลูก “กตัญญู กตเวที”

ขอให้สาธุชนทั้งหลายที่ฟังธรรมวันนี้ จงกลับไปทำบุญกับพ่อแม่ผู้เป็นพระอรหันต์ในบ้าน การทำบุญแบบนี้จะได้อานิสงส์ทันตาเห็นในชาติปัจจุบัน บุญที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน คือบุญที่ทำกับพระอรหันต์ผู้ประเสริฐในบ้านของเราจริง และบูชาได้อย่างแน่นอน ไม่เคยเห็นผู้ใดเลยที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่แล้วต้องพบกับความวิบัติ ไม่เคยมี ทำมาหากินก็เจริญ แคล้วคลาดปลอดภัย ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ มีแต่ความสุข อายุยืนยาวตลอดกาลเวลา

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เหล่าขุนนาง ข้าราชบริพารทั้งปวง ได้ฟังคำเทศนาสมเด็จโต บ้างน้ำตาก็คลอเบ้าตาทั้ง 2 ข้าง บ้างน้ำตาไหลออกมาสุดที่จะกลั้นได้ ด้วยความรัก ความสงสาร คิดถึงพระคุณพ่อแม่ขึ้นมา “เจ้าผู้ครองแผ่นดินแห่งสยามประเทศ” จึงตรัสด้วยพระสุรเสียงอันสั่นเครือปนน้ำพระเนตรว่า “ท่านเจ้าคุณมาเทศน์ได้จับใจยิ่งนัก และขอให้ทุกคนจงกลับไปทำบุญกับพ่อแม่ผู้เป็นพระอรหันต์เถิด”

และนอกจากเราจะมีจิตกุศลคอยทำบุญทำทานแก่ผู้อื่น เราต้องอย่าละเลย “พระ” ในบ้าน เราเช่นกัน วันนี้ทางเราจึงนำคาถา “บูชาพ่อแม่” มาฝากทุกท่าน สามารถสวดได้ทุกวันไม่ต้องรอ วันสำคัญใดใด สวดให้เหมือนกับที่พ่อแม่ได้ดูแลทนุถนอมเราทุกวัน

1. อิมินาสักกาเรนะ ข้าขอกราบสักการะบูชา อันพระบิดร มารดา ตัวข้าขอน้อมระลึกคุณ ท่านมีเมตตาการุณ อุปการะคุณต่อบุตรธิดา ท่านให้กำเนิดลูกมา ทั้งการศึกษาและอบรม ถึงแม้ลำบากขื่นขม ทุกข์ระทมสักเพียงใด ท่านไม่เคยหวั่นใหว ต่อสิ่งใดที่ใด้เลี้ยงมา พระคุณท่านล้นฟ้า ยิ่งกว่าธาราและแผ่นดิน ข้าขอบูชาเป็นอาจิณ ตราบจนสิ้นดวงชีวา ขอปวงเทพไท้รักษา อันพระบิดรมารดาของข้า เทอญ..

2. มัยหัง มาตาปิตูนังวะปาเทสุ วันทามิ สาทะรัง (กราบ 1 ครั้ง)

3. อะนันตะคุณะ สัมปันนา ชะเนติชะนากา อุโภ มัยหัง มาตา ปิตูนังวะ ปาทา วันทามิ สาทะรัง

หลังจากสวดบูชาแล้ว หากสะดวกก็ทำพิธีขออโหสิกรรมต่อเลยก็ได้ โดยให้เตรียมน้ำโรยดอกมะลิไปหนึ่งขัน แล้วพูดว่า…

“กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โย โทโส อันว่าโทษใดความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอใหคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพี่ คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย”

หลังจากนั้นราดน้ำรดมือ รดเท้า













ปาฏิหาริย์แห่งบุญใหญ่ พลิกชีวิตผู้ให้และผู้รับ 
การสร้างบุญด้วยธรรมทาน หนังสือสวดมนต์ 
เป็นบุญใหญ่ อานิสงส์สูง ที่เทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 
และเจ้ากรรมนายเวร ตลอดถึงมนุษย์คือผู้รับ 
ล้วนพอใจในธรรมที่ยกระดับจิตวิญญานได้บุญใหญ่
สามปราการที่จะพลิกชีวิตผู้ให้และผู้รับได้

- ประการแรก " ผู้ให้ " ธรรมทานนี้ เป็นผู้ได้บุญมาก เพราะหนังสือสวดมนต์เป็นหนังสือที่มีความรู้ ก่อประโยชน์ได้ ถือเป็นวัตถุทานที่เกิดประโยชน์ต่อผู้รับ ไม่มีโทษ และอยู่ได้นานกว่าวัตถุทานแบบอื่น ที่กินใช้ไม่หมด

 - ประการที่สอง ธรรมทานหนังสือสวดมนต์ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางจิตโดยตรงทั้งของผู้ให้ และผู้รับ ทำให้ได้ความรู้ที่นำไปใช้ได้จริง เพราะเมื่อได้อ่าน เกิดความรู้และเข้าใจหลักธรรมแล้ว จิตได้ตื่นรู้แล้ว ทำให้บาปหรืออกุศลธรรมครอบงำจิตใจได้ยาก อีกทั้งยังเป็นหนทางสู่ปัญญา หรือความรู้แจ้งในการแก้ไขกรรม แก้ไขปัญญหาชีวิต

 - ประการที่สาม ธรรมทานที่เราให้นี้ ถือว่าเป็นอภัยทานได้ หากเราวางใจ ด้วยการให้ธรรมทานนี้เป็นการกาให้อภัยทาน เพื่อ "ให้อโหสิกรรม" และ " ขออโหสิกรรม " ไปพร้อมๆ กัน


 เป็นการสร้างบุญที่เจ้ากรรมนายเวรต้องการมากที่สุดบุญหนึ่ง โดยเฉพาะ เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นดวงจิตวิญญาน เพราะทุกครั้งที่เราอุทิศอานิสงส์แห่งการสร้างบุญด้วยธรรมทานนี้ไปถึงเขา ที่ในเวลานี้ เขาเหลือเพียงดวงจิต ไม่มีร่างกาย บุญนี้จะนำเขาไปสู่ภพภูมิที่ดี

 และบุญกุศลนี้ จะนำมาซึ่งการให้อโหสิกรรมได้โดยง่าย เร็วที่สุด อันเป็นหนทางหนึ่งที่ระงับเวรได้ แต่กรรมที่เรายังต้องรับ แต่ในบางกรรมจะเยายางลงจนแทบทำอะไรเราไม่ได้เลย ด้วยบุญที่เราทำนั้นเกิดผลที่แรงกว่า

 คนที่ปรารถนาจะมีชีวิตรุ่งเรือง
มีทรัพย์ที่มาจากกรรมดีของตนเร็วขึ้น
มีสติ มีปัญญา ในการแก้ไข ปิดอุปสรรคทั้งปวง
และพัฒนาตนเองไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นทุกวัน
ควรหมั่นทำ "ธรรมทาน" อย่างต่อเนื่อง
เพราะบุญที่ทำนี้
และบุญส่วนอื่นที่เราเพียรทำโดยไม่ย่อท้อ
จะรวมเป็นมหากุศลพลิกชีวิตได้จริง







 ธรรมทาน
" บุญใหญ่ อานิสงส์สูง "
แผ่นพับบทสวดมนต์สีสวย
"หนังสือสร้างบุญ สร้างสุข สร้างความดี"

บุญประณีตสุขใจผู้ให้ บุญสวยถูกใจผู้รับ
ตลอดทั้งเทพเทวา-เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
กระดาษดีมาก เคลือบลามิเนทด้าน
กันแสงสะท้อน กันน้ำ ไม่คมบาดมือ
บทสวดมนต์ สมบูรณ์ ครบถ้วน ถูกต้อง
ถูกใจผู้ให้ ประทับใจผู้รับ

**ไม่มีพิมพ์ชื่อเจ้าภาพ เพราะ..เพิ่มบทสวดขอถอดถอนคำสาบาน และบทแผ่เมตตาครอบจักรวาล ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อผู้รับ ได้และอานิสงส์สูงกว่านำเนื้อที่กระดาษมาพิมพ์ชื่อเจ้าภาพ 







https://line.me/R/ti/p/%40nammon


ขอเชิญร่วมสร้างบุญใหญ่
ธรรมทานแผ่นพับบทสวดมนต์
หนังสือสร้างบุญ-สร้างสุข-สร้างความดี

พลิกชีวิตทั้งผู้ให้และผู้รับ
ตลอดทั้งเจ้ากรรมนายเวร ต่างให้อโหสิกรรม
สร้างบุญใหญ่อานิสงส์สูงบุญประณีต ธรรมทานแผ่นพับบทสวดมนต์สีสวย
หนังสือสร้างบุญ สร้างสุข สร้างความดี
ให้ปัญญา ให้ความรู้ ให้ความสุขสงบพบทางธรรม
บุญที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต พลิกโชคชะตาจากร้ายให้ดี
เป็นบุญใหญ่ อานิสงส์สูง ที่เจ้ากรรมนายเวรพอใจที่สุด
ทำให้การขออโหสิกรรมได้ผล
ยอมถอนตัวจากอุปสรรคกรรมร้ายทั้งปวง
ผู้ใดก็ตาม..หมั่นสร้างธรรมทานเป็นประจำ
ชีวิตจะพลิกผันจากร้ายกลายเป็นดีได้อย่างอัศจรรย์ !!!







วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

กรรม ผลของกรรมมีจริง พ่อแม่ทำบาป บุตรธิดารับเคราะห์แทนจริงหรือ ? สมเด็จพระญาณสังวรฯให้คำตอบชัด


กรรม ผลของกรรมมีจริง พ่อแม่ทำบาป บุตรธิดารับเคราะห์แทนจริงหรือ ? สมเด็จพระญาณสังวรฯให้คำตอบชัด

“กรรมมีจริง ผลของกรรมมีจริง”  “กรรมดีให้ผลดีจริง กรรมชั่วให้ผลชั่วจริง”

“ผู้ใดทำกรรมใดไว้ จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ผู้ไม่ได้ทำ หาต้องได้รับไม่”

ความเข้าใจผิดในเรื่องนี้มีอยู่ให้ได้ยินได้ฟังอยู่เนื่องๆ เช่น มารดาบิดาทำไม่ดีต่างๆ นานาให้เห็น เกิดเหตุการณ์รุนแรงแก่ชีวิตบุตรธิดา ก็มักกล่าวกันว่าลูกรับเคราะห์แทนมารดาบิดาบ้างหรือลูกรับกรรมแทนมารดาบิดาบ้าง

ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น กรรมของผู้ใด ผลย่อมเป็นของผู้นั้น จะรับผลกรรมแทนกันไม่ได้...ไม่มี มารดาบิดาทำไม่ดี ทำบาปทำอกุศล ยังอยู่ดีมีสุขเพราะผลของบาปอกุศลยังส่งไม่ถึง แต่บุตรธิดาที่ไม่ทันได้ทำบาปทำอกุศล กลับต้องมีอันเป็นไปต่างๆ นั้น นั่นเป็นเรื่องของการรับผลของบาปอกุศลที่ทำไว้ในภพชาติก่อน ที่ตามมาส่งผลในภพในชาตินี้แน่นอน บุตรธิดาผู้ได้รับผลไม่ดีต่างๆ นานา ต้องทำกรรมไม่ดีไว้ในภพชาติหนึ่งแน่นอน แต่เราไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น ไม่ใช่บุตรธิดารับผลกรรมแทนมารดาบิดา

ผู้จะเกิดร่วมกัน เป็นแม่เป็นพ่อเป็นลูกกัน ต้องมีกรรมดีกรรมชั่วในระดับเดียวกัน ไม่แตกต่างห่างไกลกัน จึงทำให้เหมือนลูกรับกรรมแทนพ่อแม่ผู้ทำบาปอกุศล ลูกที่มารับผลไม่ดีต่างๆ ขณะที่พ่อแม่ผู้ประกอบกรรมไม่ดีนั้น นั่นเพราะกรรมไม่ดีของลูกส่งผลทันในระยะนั้น จึงทำให้ยากจะเข้าใจได้ จึงทำให้เกิดความสับสนกันมาก กรรมของคนหนึ่ง ผลจะไม่เกิดแก่อีกคนหนึ่งแน่นอน

อำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกรรม
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปริณายก













ปาฏิหาริย์แห่งบุญใหญ่ พลิกชีวิตผู้ให้และผู้รับ 
การสร้างบุญด้วยธรรมทาน หนังสือสวดมนต์ 
เป็นบุญใหญ่ อานิสงส์สูง ที่เทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 
และเจ้ากรรมนายเวร ตลอดถึงมนุษย์คือผู้รับ 
ล้วนพอใจในธรรมที่ยกระดับจิตวิญญานได้บุญใหญ่
สามปราการที่จะพลิกชีวิตผู้ให้และผู้รับได้

- ประการแรก " ผู้ให้ " ธรรมทานนี้ เป็นผู้ได้บุญมาก เพราะหนังสือสวดมนต์เป็นหนังสือที่มีความรู้ ก่อประโยชน์ได้ ถือเป็นวัตถุทานที่เกิดประโยชน์ต่อผู้รับ ไม่มีโทษ และอยู่ได้นานกว่าวัตถุทานแบบอื่น ที่กินใช้ไม่หมด

 - ประการที่สอง ธรรมทานหนังสือสวดมนต์ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางจิตโดยตรงทั้งของผู้ให้ และผู้รับ ทำให้ได้ความรู้ที่นำไปใช้ได้จริง เพราะเมื่อได้อ่าน เกิดความรู้และเข้าใจหลักธรรมแล้ว จิตได้ตื่นรู้แล้ว ทำให้บาปหรืออกุศลธรรมครอบงำจิตใจได้ยาก อีกทั้งยังเป็นหนทางสู่ปัญญา หรือความรู้แจ้งในการแก้ไขกรรม แก้ไขปัญญหาชีวิต

 - ประการที่สาม ธรรมทานที่เราให้นี้ ถือว่าเป็นอภัยทานได้ หากเราวางใจ ด้วยการให้ธรรมทานนี้เป็นการกาให้อภัยทาน เพื่อ "ให้อโหสิกรรม" และ " ขออโหสิกรรม " ไปพร้อมๆ กัน


 เป็นการสร้างบุญที่เจ้ากรรมนายเวรต้องการมากที่สุดบุญหนึ่ง โดยเฉพาะ เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นดวงจิตวิญญาน เพราะทุกครั้งที่เราอุทิศอานิสงส์แห่งการสร้างบุญด้วยธรรมทานนี้ไปถึงเขา ที่ในเวลานี้ เขาเหลือเพียงดวงจิต ไม่มีร่างกาย บุญนี้จะนำเขาไปสู่ภพภูมิที่ดี

 และบุญกุศลนี้ จะนำมาซึ่งการให้อโหสิกรรมได้โดยง่าย เร็วที่สุด อันเป็นหนทางหนึ่งที่ระงับเวรได้ แต่กรรมที่เรายังต้องรับ แต่ในบางกรรมจะเยายางลงจนแทบทำอะไรเราไม่ได้เลย ด้วยบุญที่เราทำนั้นเกิดผลที่แรงกว่า

 คนที่ปรารถนาจะมีชีวิตรุ่งเรือง
มีทรัพย์ที่มาจากกรรมดีของตนเร็วขึ้น
มีสติ มีปัญญา ในการแก้ไข ปิดอุปสรรคทั้งปวง
และพัฒนาตนเองไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นทุกวัน
ควรหมั่นทำ "ธรรมทาน" อย่างต่อเนื่อง
เพราะบุญที่ทำนี้
และบุญส่วนอื่นที่เราเพียรทำโดยไม่ย่อท้อ
จะรวมเป็นมหากุศลพลิกชีวิตได้จริง







 ธรรมทาน
" บุญใหญ่ อานิสงส์สูง "
แผ่นพับบทสวดมนต์สีสวย
"หนังสือสร้างบุญ สร้างสุข สร้างความดี"

บุญประณีตสุขใจผู้ให้ บุญสวยถูกใจผู้รับ
ตลอดทั้งเทพเทวา-เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
กระดาษดีมาก เคลือบลามิเนทด้าน
กันแสงสะท้อน กันน้ำ ไม่คมบาดมือ
บทสวดมนต์ สมบูรณ์ ครบถ้วน ถูกต้อง
ถูกใจผู้ให้ ประทับใจผู้รับ

**ไม่มีพิมพ์ชื่อเจ้าภาพ เพราะ..เพิ่มบทสวดขอถอดถอนคำสาบาน และบทแผ่เมตตาครอบจักรวาล ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อผู้รับ ได้และอานิสงส์สูงกว่านำเนื้อที่กระดาษมาพิมพ์ชื่อเจ้าภาพ 







https://line.me/R/ti/p/%40nammon


ขอเชิญร่วมสร้างบุญใหญ่
ธรรมทานแผ่นพับบทสวดมนต์
หนังสือสร้างบุญ-สร้างสุข-สร้างความดี

พลิกชีวิตทั้งผู้ให้และผู้รับ
ตลอดทั้งเจ้ากรรมนายเวร ต่างให้อโหสิกรรม
สร้างบุญใหญ่อานิสงส์สูงบุญประณีต ธรรมทานแผ่นพับบทสวดมนต์สีสวย
หนังสือสร้างบุญ สร้างสุข สร้างความดี
ให้ปัญญา ให้ความรู้ ให้ความสุขสงบพบทางธรรม
บุญที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต พลิกโชคชะตาจากร้ายให้ดี
เป็นบุญใหญ่ อานิสงส์สูง ที่เจ้ากรรมนายเวรพอใจที่สุด
ทำให้การขออโหสิกรรมได้ผล
ยอมถอนตัวจากอุปสรรคกรรมร้ายทั้งปวง
ผู้ใดก็ตาม..หมั่นสร้างธรรมทานเป็นประจำ
ชีวิตจะพลิกผันจากร้ายกลายเป็นดีได้อย่างอัศจรรย์ !!!