วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

หลักและวิธีการส่งบุญให้ผู้อื่น รวมถึงเจ้ากรรมนายเวร


บุญนั้นมีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนใครอยู่ประการหนึ่งคือ ยิ่งให้ยิ่งเพิ่มพูนเหมือนกับการตักข้าวลงไปในหม้อข้าวทิพย์ที่ตักแจกจ่ายไปเท่าไหร่ ข้าวก็ไม่มีวันหมดยิ่งตักแจกไปข้าวก็ยิ่งเพิ่มมากๆ ขึ้นฉันนั้น การมอบบุญให้ผู้อื่นในพระพุทธศาสนานั้นเรียกว่า“การอุทิศบุญ” (ปัตติทานมัย)

การอุทิศบุญก็คือการยกส่วนบุญที่ตนเองได้ทำแล้วและอนุญาตส่วนบุญนั้นให้เป็นของผู้อื่นคือผู้ที่เราต้องการจะยกบุญให้เพื่อปรารถนาให้ผู้รับมีความสุข แล้วส่งบุญไปให้แก่บรรพชนตลอดจนสรรพสัตว์สรรพวิญญาณทั้งหลายและตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อให้ตนเองได้กระทำความดีต่อไปหรืออธิษฐานในสิ่งประสงค์อันดีงามให้สำเร็จตามความปรารถนา

หากยังสงสัยว่าการยกบุญที่ทำแล้วนั้นจะเป็นบุญเพิ่มได้อย่างไรก็ลองมาดูตัวอย่างในพุทธประวัติ
ครั้งพระเจ้าพิมพิสาร ได้ทำบุญแล้วไม่ได้ยกบุญให้ใครก็เลยมีคนมาขอส่วนบุญซึ่งขอเท้าความไปถึงอดีตชาติแต่หนหลังเพื่อให้ทราบที่มาที่ไปว่า

ในอดีตกาลอันยาวไกลเมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปุสสะพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นมีพระราชบุตร 3 พระองค์ของพระเจ้าชัยเสนแห่งกาสิกนคร มีความศรัทธาที่จะถวายภัตตาหารแด่พระปุสสพุทธเจ้า
และพระภิกษุสงฆ์สาวกติดต่อกันหลายวัน พระเจ้าชัยเสนจึงได้ประทานราชทรัพย์เป็นค่าใช้จ่ายให้มากมายและขอความร่วมมือจากพระประยูรญาติ ข้าทาสบริวารคนรับใช้ ทั้งเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง ให้ช่วยเหลือในกิจการทำบุญในครั้งนั้นให้สำเร็จ

แต่ใจมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง มีทั้งคนดีเลวปะปนกัน บางพวกก็เต็มใจช่วยเหลืองานได้จัดทำการทุกอย่างด้วยความเต็มใจ ด้วยหวังบุญกุศลและมีความศรัทธา แต่บางพวกถูกความโลภเข้าครอบงำเห็นเงินทองที่เขาให้นำมาทำอาหาร และซื้อของเข้าก็เกิดความโลภอยากได้จึงยักยอกเอาไว้ใช้ส่วนตัวเสียบ้าง ทำแต่ของเลว ๆ ถวายพระ แต่ไปแจ้งว่าซื้อแต่ของดีๆบ้างรวมไปถึงมีการนำอาหารที่ทำไว้สำหรับพระไปกินเองเสียบ้าง นำไปให้ลูกหลานตัวเองกินบ้างทำให้การเลี้ยงพระคราวนั้นผ่านไปด้วยความไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร

แต่ราชบุตรทั้งสามกลับไม่ว่ากล่าวอะไรต่อเหล่าคนใจคดเหล่านั้นเพราะตั้งใจให้เกิดเป็นบุญเป็นกุศลแล้ว
ใครจะยักยอกอะไรไปอย่างไรก็จะรักษาใจที่ศรัทธาไว้ให้ดีให้ได้

บุคคลทั้งหมดที่ได้มาร่วมงานบุญนี้ เมื่อสิ้นชีวิตไปแล้วก็พากันไปเกิดตามกรรมของตนเองพวกเหล่าราชบุตรและผู้ที่ปฏิบัติดีเต็มใจช่วยเหลือในงานนั้นก็ได้ไปสู่สุคติภูมิเมื่อจุติจากสุคตินั้นแล้วก็ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน

ราชบุตรองค์โตได้เกิดมาเป็น “พระเจ้าพิมพิสาร” พระมหากษัตริย์แห่งเมืองราชคฤห์ เมืองหลวงแคว้นมคธที่เหลือก็ไปเกิดเป็นพระประยูรญาติและบริวารประชาชนในเมืองราชคฤห์นั้น

ส่วนเหล่าผู้ที่ยักยอกทานหรือเงินทองทำบุญและกินของก่อนถวายพระครั้นตายไปแล้วกลับได้ไปเกิดเป็นเปรตรูปร่างต่างๆ มีรูปร่างผ่ายผอมหิวโหยอดอยากและต่างเฝ้ารอคอยส่วนบุญที่ญาติๆ ของตนจะอุทิศไปให้จากโลกนี้ แต่รอคอยมาหลายพุทธันดรก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้รับ

ต่อมาเมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงกลับมาเกิดแล้ว ความหวังของเปรตเหล่านั้นก็เรืองรองขึ้นมาบ้าง
พระเจ้าพิมพิสาร ครั้นทรงบำเพ็ญบุญในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก เช่น ทรงถวายอุทยานสวนไผ่
ให้เป็นพระอารามที่ประทับของพระพุทธองค์พร้อมพระภิกษุสงฆ์สาวกทั้งหลายเป็นแห่งแรกชื่อว่า
วัดเวฬุวันมหาวิหาร และได้ถวายปัจจัย 4 ที่จำเป็นต่อพระภิกษุเสมอมา

แต่ว่าเป็นที่น่าเสียดายเพราะ พระเจ้าพิมพิสารกลับไม่เคยได้อุทิศส่วนบุญนั้นๆ ให้กับอดีตพระประยูรญาติผู้ใดเลยพวกเปรตที่เป็นญาติของพระองค์เหล่านั้นผู้รอคอยส่วนบุญอยู่จึงต้องผิดหวังทุกครั้งในการรอรับส่วนบุญ

อยู่มาคืนหนึ่งเปรตที่เป็นพระญาติจึงได้แสดงตัวส่งเสียงร้องครวญครางให้พระเจ้าพิมพิสารได้เห็นรูปร่างของตนพระเจ้าพิมพิสารทรงสะดุ้งตกพระทัยเป็นอันมากในคืนนั้น

พอรุ่งเช้า พระเจ้าพิมพิสาร จึงรีบไปทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรื่องเปรตที่ได้เห็นมาพระพุทธองค์จึงทรงตรัสเล่าเรื่องอดีตชาติของเหล่าเปรตนี้ให้ทรงทราบ พระเจ้าพิมพิสารทูลถามว่าถ้าตนเองได้ถวายทาน แล้วอุทิศในตอนนี้พวกญาติเหล่านั้นจะได้รับส่วนบุญหรือไม่

เมื่อพระพุทธองค์ตรัสว่าได้รับแน่นอนแต่ท่านจะต้องทำการยกบุญของท่านให้เหล่าเปรตเหล่านั้นด้วย
พระเจ้าพิมพิสารจึงทรงเตรียมการถวายภัตตาหาร แด่พระภิกษุสงฆ์โดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุขโดยเร็วครั้นเมื่อพระภิกษุสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว พระเจ้าพิมพิสาร จึงทรงหลั่งทักษิโณทก (กรวดน้ำ) อุทิศส่วนกุศลว่า

“ อิทัง เม ญาตีนัง โหตุฯ ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลาย ของข้าพเจ้าด้วยเถิด”

ทันใดนั้น เปรตผู้เป็นญาติทั้งหลายเหล่านั้น ต่างก็อิ่มหนำสำราญด้วยอาหารทิพย์ที่พระเจ้าพิมพิสารได้อุทิศให้จากนั้นในวันถัดมา พระเจ้าพิมพิสาร ได้ถวายผ้าไตรจีวร,เสนาสนะและเภสัช แด่เหล่าพระภิกษุสงฆ์อีกแล้วทรงกรวดน้ำอุทิศ ไปให้เปรตเหล่านั้นทุกครั้ง เปรตเหล่านั้นก็ได้รับส่วนบุญเหล่านั้นทุกครั้ง
และไปเกิดตามกรรมของตนไม่มารบกวนพระเจ้าพิมพิสารอีกเลย

การส่งบุญให้เปรียบเหมือนการจุดเทียนส่งต่อไฟให้ผู้อื่น ตัวเรามีแสงไฟก็ต่อไฟให้เขาได้แสงสว่างบ้าง
ไฟที่อยู่ในมือก็ไม่หายไปไหนแต่การจะส่งบุญให้ใครได้ก็ต้องมีหลักวิธีหรือข้อแม้ก่อนว่า
ต้องมีองค์ประกอบครบ 4 ประการ
ตามหลักแห่ง “ชานุสโสนีสูตร” ในพระไตรปิฎกว่าด้วยการอุทิศบุญ

1. ผู้ที่อุทิศบุญนั้นต้องมีบุญพร้อมที่จะอุทิศ หมายความว่า คนๆนั้นต้องสร้างบุญด้วยการทำบุญใดๆเสียก่อนจึงจะมีบุญส่งให้ผู้ที่ล่วงลับได้ คือถ้าอุทิศบุญแบบนึกเอาเฉยๆโดยไม่ได้ทำอะไร บุญนั้นก็ไม่สำเร็จผลเหมือนการจะต่อเทียนให้คนอื่นแต่ตัวเองยังไม่ได้จุดไฟแล้วจะเอาไฟที่ไหนไปต่อให้ผู้อื่น ฉันนั้น

2. ผู้ที่อุทิศบุญมีเจตนาในการอุทิศบุญให้ หรือ ได้อนุญาตส่วนบุญที่จะยกให้แล้ว
หากไม่ได้แสดงเจตนาในการอุทิศบุญหรือไม่อนุญาตบุญให้บุญก็จะตกเป็นของเจ้าของบุญที่ทำนั้น
ผู้อื่นไม่มีสิทธิในบุญแบบกรณีพระเจ้าพิมพิสารก่อนที่จะรู้จักการอุทิศบุญ
บุญที่ทำมาก่อนหน้านั้นก็เป็นของพระองค์เองทั้งหมด

3. ผู้ที่รับต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมจะรับบุญได้ คือได้เกิดเป็นโอปปาติกะ(สัตว์กายทิพย์ เช่น เปรต หรือเทวดาชั้นล่าง ๆแล้ว) อยู่ในสถานะที่พอรับได้ไม่ใช่ยังอยู่ในขณะที่กำลังรับโทษทัณฑ์ คือ ไปเกิดเป็นสัตว์นรกแล้วกำลังรับโทษอยู่ใน มหานรกทั้ง 8 ขุมหากจะรับบุญนั้นได้ก็ต้องรอให้เขาเหล่านั้นพ้นสภาพจากการรับโทษทัณฑ์ก่อน

ข้อนี้เปรียบเหมือนคนที่ทำผิดแล้วกำลังได้รับโทษถูกโบยตีอยู่ก็ไม่อาจออกมารับอาหารที่มีคนนำมาให้ได้ ต้องรอให้การลงโทษนั้นผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นไปตามกรรมของใครของมัน บุญที่ได้อุทิศทิ้งไว้ให้ก็ไม่ได้หายไปไหน

4. ผู้ที่รอรับบุญนั้นต้องอนุโมทนา หรือยินดีรับบุญนั้น ถ้าไม่ยินดีรับก็ไม่สามารถรับบุญได้หากเขาให้แล้วไม่ยอมรับไม่เอา และไม่ยินดีที่จะรับบุญที่ญาติส่งมาให้ก็ไม่อาจนำบุญที่เขาให้ไปก่อประโยชน์กับตนเองได้ คือมีจิตไม่เลื่อมใสในบุญเอง ซึ่งข้อนี้ถือเป็นกรรมเฉพาะตัวเป็นไปตามกรรมและดวงจิตของใครของมัน

วิธีการอุทิศบุญทำอย่างไรการอุทิศบุญมีวิธีการส่งบุญอยู่สองวิธีคือ

1. การกรวดน้ำ หมายถึง การรินน้ำหลั่งลงให้เป็นสาย อันเป็นเครื่องหมายแห่งสายน้ำใจ อันบริสุทธิ์
ตั้งใจอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ตนเองได้ทำมาในวันนั้นให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้วและแสดงถึงกระแสบุญที่ไหลไม่ขาดห้วงเหมือนสายน้ำที่ไหลติดต่อกัน การอุทิศส่งบุญจึงนิยมใช้น้ำเป็นสื่อแทนบุญสำหรับปุถุชนทั่วไปที่จิตยังไม่แข็งหรือมีพลังพอจะส่งบุญด้วยจิตล้วนๆ

การกรวดน้ำอุทิศบุญยังได้ชื่อว่าเป็นการแสดงความกตัญญูด้วย ถ้าผู้ล่วงลับไปแล้วเป็นผู้มีอาวุโสน้อยกว่า เช่น เป็นบุตร ธิดา เป็นน้อง หรือเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ชื่อว่าได้แผ่เมตตากรุณาธรรมของตนไปสู่ผู้ล่วงลับเหล่านั้น

ถ้าหากผู้ล่วงลับนั้นเป็นผู้อาวุโสมากกว่า เช่น เป็นบิดามารดา ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นพี่ หรือครูบาอาจารย์ เป็นต้น ก็ชื่อว่าได้แสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทิตาต่อท่านเหล่านั้นเพราะต้องการให้ท่านมีความสุขแม้ท่านผู้มีพระคุณเหล่านั้นจะจากไปแล้วก็ตาม

2.การนึกอุทิศบุญให้โดยทันที วิธีการนี้เป็นการอุทิศบุญแบบไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆไม่ต้องใช้น้ำกรวดอุทิศบุญ แต่เป็นการตั้งจิตอธิษฐานส่งบุญให้กับผู้ที่เราต้องการจะยกบุญให้ซึ่งผู้ที่ได้ฝึกจิตสมาธิมาเป็นอย่างดีแล้วจะสามารถทำได้อย่างชำนาญและได้ผลไม่ต่างจากการกรวดน้ำ

อย่างไรก็ตาม หากต้องการฝึกอุทิศบุญแบบนี้ ควรมีพื้นฐานในการฝึกจิตให้สงบนิ่งอยู่เป็นประจำเสียก่อน
ไม่เช่นนั้นบุญที่อุตส่าห์ทำก็ส่งถึงมือผู้รับได้ไม่ต่อเนื่องเพราะสื่อที่ใช้ส่งยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ
เหมือนจานดาวเทียมที่มีสัญญาณไม่ดี เครื่องรับก็ได้ภาพมาแบบติดๆ ขัดๆ เหมือนแผ่นซีดีสะดุด
ผู้ที่ฝึกจิตมาดีแล้ว อย่างผู้ที่ฝึกตนถือศีล เจริญภาวนาเป็นประจำจะทำได้ง่ายและสะดวก
เพราะมีเครื่องมือที่พร้อมใช้งาน พร้อมจะส่งบุญให้อย่างมีประสิทธิภาพ

การตั้งจิตนึกอุทิศบุญขอให้ทำทันที นึกภาพให้ชัดเจนอย่าให้ลางเลือน
นึกถึงใครก็รีบส่งบุญให้อย่ามัวลังเลชักชาโดยการกล่าวอุทิศว่า

“...บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวข้า” หรือ “บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า”
หรือ “บุญนี้จงเป็นของเทวดา-ภูต-ผี-ปีศาจ-เปรต-ครุฑ-นาค-ยักษ์ ที่อาศัยอยู่ในสถานที่เรือกสวนไร่นา
หรือเคหะสถานบ้านเรือนของข้า”

หรืออาจกล่าวว่า “บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบุตรของข้า จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบิดา-มารดาของข้า” เป็นต้นขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการแก้ไขในจุดไหน เช่น ถ้ากิจการค้าของท่านล้มเหลวหรือซบเซา
เมื่อท่านทำบุญทุกครั้งควรอุทิศให้เทวดาประจำตัวของท่าน และเทวดาที่ดูแลกิจการการค้าด้วยพร้อมกันไปแล้วอธิษฐานว่า

“เทวดาที่รับบุญของเราแล้ว โปรดช่วยเหลือกิจการค้าธุรกิจของเรา ให้ประสบความสำเร็จด้วยเถิด
ถ้าร่ำรวยขึ้นจะทำบุญให้ท่านยิ่งๆ ขึ้นไปอีก” จะใช้คำเรียกตนเองว่าข้า ว่าเรา ก็ได้ทั้งนั้น
ร้านค้าขายจะเป็นร้านอะไรก็แล้วแต่ เมื่อทำบุญก็ให้อุทิศบุญแก่เทวดาที่รักษาร้านค้านั้นด้วย
แล้วบอกว่า “เทวดาเมื่อได้รับบุญแล้ว โปรดเรียกลูกค้ามาอุดหนุนให้มากๆ ด้วย”

คำอธิษฐานส่งบุญยกบุญให้นี้เป็นตัวอย่างเท่านั้น หากเราได้สร้างบุญในรูปแบบอื่นๆ มา
ก็สามารถนำบุญชนิดนั้นมายกให้ผู้อื่นได้ เช่น เมื่อตั้งใจรักษาศีล
ก็ย่อมเกิดบุญกุศลขึ้นทุกครั้งที่ระลึกถึงศีลตัวเองรักษาดีแล้วไม่ด่างพร้อยก็อธิษฐานส่งบุญได้ว่า
“บุญที่ข้าพเจ้าได้รักษาศีลนี้ขอมอบแก่................................”

การอุทิศบุญจึงเป็นสิ่งสำคัญภายหลังการทำบุญที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานกว่า 2,500 ปี
และยังเป็นสิ่งที่ควรกระทำทุกครั้ง

บุญที่ทำนั้นควรอุทิศให้ใครบ้างการอุทิศบุญนั้นเราควรต้องเริ่มจากการอุทิศบุญให้กับผู้ที่มีคุณธรรม
และอำนาจแห่งคุณงามความดีสูงสุดไปตามลำดับอย่าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์สาวก พระโพธิสัตว์ พระอริยสงฆ์ทุกพระองค์ พรหมเทพเทวดา บิดามารดา ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ สรรพวิญญาณทั้งหลายทั้งปวง ทั้งที่เป็นญาติก็ดีและไม่ใช่ญาติก็ดีและในส่วนที่เน้นเป็นรายบุคคลก็กล่าวอุทิศไปได้ตามใจปรารถนาที่เราหวังจะให้คนเหล่านั้นมีความสุข

ขอให้เราทุกคนเชื่ออย่างมั่นใจได้ว่า เมื่อเราได้ทำบุญกุศลแล้ว ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามเราทุกคนก็ยังคงได้ใช้บุญของเราอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้ใช้บุญกุศลนั้นแน่นอนตามหลักที่ได้กล่าวมาแล้ว
ซึ่งจะส่งผลเมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับวาระของบุญนั้นๆ และกรรมจะเป็นผู้กำหนดเองทั้งสิ้น






ปาฏิหาริย์แห่งบุญใหญ่ พลิกชีวิตผู้ให้และผู้รับ 
การสร้างบุญด้วยธรรมทาน หนังสือสวดมนต์ 
เป็นบุญใหญ่ อานิสงส์สูง ที่เทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 
และเจ้ากรรมนายเวร ตลอดถึงมนุษย์คือผู้รับ 
ล้วนพอใจในธรรมที่ยกระดับจิตวิญญานได้บุญใหญ่
สามปราการที่จะพลิกชีวิตผู้ให้และผู้รับได้

- ประการแรก " ผู้ให้ " ธรรมทานนี้ เป็นผู้ได้บุญมาก เพราะหนังสือสวดมนต์เป็นหนังสือที่มีความรู้ ก่อประโยชน์ได้ ถือเป็นวัตถุทานที่เกิดประโยชน์ต่อผู้รับ ไม่มีโทษ และอยู่ได้นานกว่าวัตถุทานแบบอื่น ที่กินใช้ไม่หมด

 - ประการที่สอง ธรรมทานหนังสือสวดมนต์ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางจิตโดยตรงทั้งของผู้ให้ และผู้รับ ทำให้ได้ความรู้ที่นำไปใช้ได้จริง เพราะเมื่อได้อ่าน เกิดความรู้และเข้าใจหลักธรรมแล้ว จิตได้ตื่นรู้แล้ว ทำให้บาปหรืออกุศลธรรมครอบงำจิตใจได้ยาก อีกทั้งยังเป็นหนทางสู่ปัญญา หรือความรู้แจ้งในการแก้ไขกรรม แก้ไขปัญญหาชีวิต

 - ประการที่สาม ธรรมทานที่เราให้นี้ ถือว่าเป็นอภัยทานได้ หากเราวางใจ ด้วยการให้ธรรมทานนี้เป็นการกาให้อภัยทาน เพื่อ "ให้อโหสิกรรม" และ " ขออโหสิกรรม " ไปพร้อมๆ กัน


 เป็นการสร้างบุญที่เจ้ากรรมนายเวรต้องการมากที่สุดบุญหนึ่ง โดยเฉพาะ เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นดวงจิตวิญญาน เพราะทุกครั้งที่เราอุทิศอานิสงส์แห่งการสร้างบุญด้วยธรรมทานนี้ไปถึงเขา ที่ในเวลานี้ เขาเหลือเพียงดวงจิต ไม่มีร่างกาย บุญนี้จะนำเขาไปสู่ภพภูมิที่ดี

 และบุญกุศลนี้ จะนำมาซึ่งการให้อโหสิกรรมได้โดยง่าย เร็วที่สุด อันเป็นหนทางหนึ่งที่ระงับเวรได้ แต่กรรมที่เรายังต้องรับ แต่ในบางกรรมจะเยายางลงจนแทบทำอะไรเราไม่ได้เลย ด้วยบุญที่เราทำนั้นเกิดผลที่แรงกว่า

 คนที่ปรารถนาจะมีชีวิตรุ่งเรือง
มีทรัพย์ที่มาจากกรรมดีของตนเร็วขึ้น
มีสติ มีปัญญา ในการแก้ไข ปิดอุปสรรคทั้งปวง
และพัฒนาตนเองไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นทุกวัน
ควรหมั่นทำ "ธรรมทาน" อย่างต่อเนื่อง
เพราะบุญที่ทำนี้
และบุญส่วนอื่นที่เราเพียรทำโดยไม่ย่อท้อ
จะรวมเป็นมหากุศลพลิกชีวิตได้จริง





https://line.me/R/ti/p/%40nammon

 ธรรมทาน
" บุญใหญ่ อานิสงส์สูง "
แผ่นพับบทสวดมนต์สีสวย
"หนังสือสร้างบุญ สร้างสุข สร้างความดี"

บุญประณีตสุขใจผู้ให้ บุญสวยถูกใจผู้รับ
ตลอดทั้งเทพเทวา-เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
กระดาษดีมาก เคลือบลามิเนทด้าน
กันแสงสะท้อน กันน้ำ ไม่คมบาดมือ
บทสวดมนต์ สมบูรณ์ ครบถ้วน ถูกต้อง
ถูกใจผู้ให้ ประทับใจผู้รับ

**ไม่มีพิมพ์ชื่อเจ้าภาพ เพราะ..เพิ่มบทสวดขอถอดถอนคำสาบาน และบทแผ่เมตตาครอบจักรวาล ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อผู้รับ ได้และอานิสงส์สูงกว่านำเนื้อที่กระดาษมาพิมพ์ชื่อเจ้าภาพ 









https://line.me/R/ti/p/%40nammon

https://line.me/R/ti/p/%40nammon

https://line.me/R/ti/p/%40nammon

ขอเชิญร่วมสร้างบุญใหญ่
ธรรมทานแผ่นพับบทสวดมนต์
หนังสือสร้างบุญ-สร้างสุข-สร้างความดี

พลิกชีวิตทั้งผู้ให้และผู้รับ
ตลอดทั้งเจ้ากรรมนายเวร ต่างให้อโหสิกรรม
สร้างบุญใหญ่อานิสงส์สูงบุญประณีต ธรรมทานแผ่นพับบทสวดมนต์สีสวย
หนังสือสร้างบุญ สร้างสุข สร้างความดี
ให้ปัญญา ให้ความรู้ ให้ความสุขสงบพบทางธรรม
บุญที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต พลิกโชคชะตาจากร้ายให้ดี
เป็นบุญใหญ่ อานิสงส์สูง ที่เจ้ากรรมนายเวรพอใจที่สุด
ทำให้การขออโหสิกรรมได้ผล
ยอมถอนตัวจากอุปสรรคกรรมร้ายทั้งปวง
ผู้ใดก็ตาม..หมั่นสร้างธรรมทานเป็นประจำ
ชีวิตจะพลิกผันจากร้ายกลายเป็นดีได้อย่างอัศจรรย์ !!!






https://line.me/R/ti/p/%40nammon

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น